กัญชาน่ารู้

อัปเดตราคากัญชาในประเทศไทย 2023 : สายพันธุ์ยอดนิยม สายพันธุ์ราคาถูก สายพันธุ์ราคาแพง

ราคากัญชา
ราคากัญชาในประเทศไทยมีความผันผวนค่อนข้างสูงหลังจากประเทศไทยประกาศปลดล็อคกัญชามาแล้วเกือบ 1 ปีส่งผลให้เกิดอาชีพใหม่ๆในวงการกัญชาเช่น นักปลูก (Grower) บัดเทนเดอร์ (Budtender) รวมถึงร้านกัญชา (Dispensary) ผุดขึ้นเหมือนดอกเห็ดทั่วประเทศไทย จำนวนนักปลูกและร้านกัญชาที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นปัจจัยที่มีผลต่อราคากัญชา อย่างไรก็ตามราคาของกัญชาไม่ได้อ้างอิงเพียงแค่การแข่งขันที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีมีปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำให้ราคาของกัญชาแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น กระบวนการผลิต ความสะอาด รูปทรง กลิ่นของดอก ความเข้นข้นของสารสำคัญ และความนิยม ในบทความนี้พี่หมีจะพาเพื่อนๆมาสำรวจราคากัญชาในประเทศไทย สายพันธุ์ไหนยอดนิยม สายพันธุ์ไหนมีราคาแพง และมีสาเหตุมาจากอะไร มาเริ่มกันเลย
ราคากัญชา

ดอกกัญชา 1 กรัมมีราคาเท่าไหร่ ?

จากการวิเคราะห์ของ Thailandthc ราคาเฉลี่ยต่อกรัมของกัญชาในประเทศไทยอยู่ที่ 579 บาทหลังจาก 340 วันที่กัญชาถูกกฎหมายในประเทศไทย ราคาเฉลี่ยของกัญชาในประเทศไทยในเดือนที่แล้วอยู่ที่ 528 บาทและ 462 บาทในช่วงสัปดาห์ที่แล้วโดยวิเคาะห์ข้อมูลจากร้านกัญชา 91 แห่ง 9,354 ราคาจาก 1,784 สายพันธุ์กัญชา ราคาข้างต้นเป็นราคาค่าเฉลี่ยจากข้อมูลทั้งหมด ส่วนราคาซื้อขายจริงสำหรับดอกกัญชาตามร้านขายกัญชา (Dispensary) Outdoor และ Indoor มีราคาอยู่ที่ 250-1,000 บาทต่อกรัมขึ้นอยู่กับ วิธีการผลิต คุณภาพ รูปทรง ขนาด กลิ่นของดอก ความเข้มข้นของสาร ความนิยมและความต้องการของตลาด ราคาซื้อขายจริงในการซื้อโดยตรงจากฟาร์มหรือซื้อจากผู้ผลิตจะมีราคาตั้งแต่ 100-350 บาทต่อกรัมเท่านั้น ผู้ผลิตบางรายอาจมีราคาปลีกจำหน่ายแต่บางรายมีเฉพาะขายส่งเท่าซึ่งต้องซื้อขั้นต่ำตั้งแต่ 10-50 กรัมขึ้นไป

ราคากัญชา

สายพันธุ์กัญชายอดนิยมที่สุดในประเทศไทย

ความนิยมสูงสุดในที่นี้มาจากการวัดว่ากัญชาสายพันธุ์ใดที่มีจำหน่ายมากที่สุดจากฐานข้อมูลของ Thailandthc และสายพันธุ์เหล่านี้มักพบเห็นได้ทั่วไปในร้านกัญชา อย่างไรก็ตามจากข้อมูลนี้ไม่ได้แปลว่ากัญชาสายพันธุ์เหล่านี้เกิดการซื้อขายมากที่สุด

1. Green Crack ราคาโดยเฉลี่ย 335 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: กระปรี้กระเปร่า, โฟกัส, ช่างคุย
กลิ่นและรสชาติ: มะม่วง, ซิตรัส, ทรอปิคอล

2. Mac One ราคาโดยเฉลี่ย 576 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ล่องลอย, เคลิบเคลิ้ม, กระปรี้กระเปร่า
กลิ่นและรสชาติ: เนย, วานิลลา, ซิตรัส

5. Blueberry ราคาโดยเฉลี่ย 382 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ง่วงนอน, หิวกระหาย. ผ่อนคลาย
กลิ่นและรสชาติ: บลูเบอร์รี่, เบอร์รี่, รสหวาน

6. Sugar Cane ราคาโดยเฉลี่ย 506 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: กระปรี้กระเปร่า, โฟกัส, ล่องลอย
กลิ่นและรสชาติ: มะม่วง, รสหวาน, ดอกไม้

7. Gary Payton ราคาโดยเฉลี่ย 633 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ขำขัน, ช่างคุย, ผ่อนคลาย
กลิ่นและรสชาติ: พริกไทย, แอปริคอท, ลาเวนเดอร์

8. White Widow ราคาโดยเฉลี่ย 596 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: กระปรี้กระเปร่า, ช่างคุย, ความคิดสร้างสรรค์
กลิ่นและรสชาติ: กลิ่นดิน, กลิ่นไม้, สมุนไพร

9. Runtz ราคาโดยเฉลี่ย 540 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ช่างคุย, มีความสุข, ขำขัน
กลิ่นและรสชาติ: รสหวาน, ผลไม้, เบอร์รี่

10. Zkittlez ราคาโดยเฉลี่ย 610 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ผ่อนคลาย, ง่วงนอน, หิวกระหาย
กลิ่นและรสชาติ: องุ่น, เกรปฟรุต, เบอร์รี่

ราคากัญชา

สายพันธุ์กัญชาที่มีราคาถูกที่สุดในประเทศไทย

1. Power Berry CBD ราคาโดยเฉลี่ย 55 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ไม่ทราบแน่ชัด
กลิ่นและรสชาติ: ไม่ทราบแน่ชัด

2. หางกระรอก ราคาโดยเฉลี่ย 55 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: กระปรี้กระเปร่า, โฟกัส, ความคิดสร้างสรรค์
กลิ่นและรสชาติ: โทบัคโค, กลิ่นไม้, กลิ่นดิน

3. Sour Apple ราคาโดยเฉลี่ย 80 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ขำขัน, ซาบซ่าน, มีความสุข
กลิ่นและรสชาติ: แอปปิ้ล, แพร, รสหวาน

4. Lemon Haze ราคาโดยเฉลี่ย 100 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: กระปรี้กระเปร่า, ช่างคุย, ขำขัน
กลิ่นและรสชาติ: เลม่อน, ซิตรัส, มะนาว

5. Sour Suver Haze ราคาโดยเฉลี่ย 100 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ผ่อนคลาย, ง่วงนอน, โฟกัส
กลิ่นและรสชาติ: กลิ่นไม้, พริกไทย, ถั่ว

6. Charlotte ราคาโดยเฉลี่ย 100 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: โฟกัส, ล่องลอย, ผ่อนคลาย
กลิ่นและรสชาติ: ต้นสน, กลิ่นไม้, สะระแหน่

7. หางเสือ ราคาโดยเฉลี่ย 120 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ไม่ทราบแน่ชัด
กลิ่นและรสชาติ: ไม่ทราบแน่ชัด

8. Jack ราคาโดยเฉลี่ย 120 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ไม่ทราบแน่ชัด
กลิ่นและรสชาติ: ไม่ทราบแน่ชัด

9 Cherry Wine ราคาโดยเฉลี่ย 125 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ผ่อนคลาย, โฟกัส, ซาบซ่าน
กลิ่นและรสชาติ: โทบัคโค, กลิ่นไม้, พริกไทย

10. ACDC CBD ราคาโดยเฉลี่ย 130 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: โฟกัส, ผ่อนคลาย, ล่องลอย
กลิ่นและรสชาติ: กลิ่นไม้, สมุนไพร, ต้นสน

ราคากัญชา

สายพันธุ์กัญชาที่มีราคาแพงที่สุดในประเทศไทย

1. Pacman Starburst Runtz ราคาโดยเฉลี่ย 3,000 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ไม่ทราบแน่ชัด
กลิ่นและรสชาติ: ไม่ทราบแน่ชัด

2. Point Break ราคาโดยเฉลี่ย 1,000 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ผ่อนคลาย, ง่วงนอน, มีความสุข
กลิ่นและรสชาติ: ส้ม, เกรปฟรุต, ซิตรัส

3. Gelonade ราคาโดยเฉลี่ย 1,000 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: กระปรี้กระเปร่า, ช่างคุย, ล่องลอย
กลิ่นและรสชาติ: เลม่อน, แอมโมเนีย, พริกไทย

4. Permanent Marker ราคาโดยเฉลี่ย 1,000 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ซาบซ่าน, ช่างคุย, เคลิบเคลิ้ม
กลิ่นและรสชาติ: วานิลลา, โทบัคโค, เมนทอล

5. Glass Mango ราคาโดยเฉลี่ย 990 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ไม่ทราบแน่ชัด
กลิ่นและรสชาติ: ไม่ทราบแน่ชัด

6. Cherry Baccio Gelato ราคาโดยเฉลี่ย 900 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ผ่อนคลาย, เคลิบเคลิ้ม, หิวกระหาย
กลิ่นและรสชาติ: เบอร์รี่, รสหวาน, ทรอปิคอล

7. Drip Station ราคาโดยเฉลี่ย 900 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: เคลิบเคลิ้ม, มีความสุข, ผ่อนคลาย
กลิ่นและรสชาติ: สกังก์, กลิ่นไม้, กลิ่นดิน

8. Flap Jack ราคาโดยเฉลี่ย 900 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ผ่อนคลาย,เคลิบเคลิ้ม, มีความสุข
กลิ่นและรสชาติ: เบอร์รี่, ซิตรัส, ต้นสน

9. Kushlato ราคาโดยเฉลี่ย 900 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ผ่อนคลาย, ล่องลอย, สันติ
กลิ่นและรสชาติ: สน, ดีเซล, ซินนาม่อน

10. Super Saiyan ราคาโดยเฉลี่ย 900 บาทต่อกรัม
เอฟเฟคและอาการ: ไม่ทราบแน่ชัด
กลิ่นและรสชาติ: ไม่ทราบแน่ชัด

ราคากัญชา

ราคาและคุณภาพกัญชา USA และประเทศไทยแตกต่างกันไหม?

ราคากัญชาในประเทศสหรัฐอเมริกามีค่าเฉลี่ยระหว่าง $8.50 ถึง $15.90 ต่อกรัมหรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 286.71 บาทถึง 536.31 บาท ส่วนค่าเฉลี่ยของกัญชาในประเทศไทย 579 บาทต่อกรัมนับได้ว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำและค่าครองชีพของประเทศไทย เหตุผลหนึ่งที่ทำให้กัญชา 1 กรัมมีราคาสูงกว่ากว่าแรงขั้นต่ำเนื่องจากร้านกัญชามักจะเน้นกลุ่มลูกค้าไปที่ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยหรือนักท่องต่างชาติเป็นหลัก อีกทั้งค่าเช่าสถานสำหรับการเปิดร้านกัญชาในบริเวณที่ต่างชาติพักอาศัยหรือท่องเที่ยวจะมีค่าเช่าที่แพงมาก

คุณภาพของกัญชาในประเทศไทยในตอนนี้ยังสู้คุณภาพของ USA ไม่ได้เนื่องจากบางรัฐใน USA ประกาศให้กัญชาถูกกฎหมายมานานแล้วทำให้ Grower ที่นั่นมีเวลาในการพัฒนาคุณภาพและองค์ความรู้มากกว่าประเทศไทยที่พึ่งปลดล็อคกัญชาไม่ถึง 1 ปี แต่ Grower ในประเทศไทยเองมีการพัฒนาคุณภาพอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามสายพันธุ์กัญชาที่พบได้ทั่วไปในร้านกัญชาเป็นสายพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น USA หรือ ยุโรปซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ต่างชาติคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่กลับหากัญชาสายพันธุ์ไทยคุณภาพดีได้ยากกว่า

ราคากัญชา

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคากัญชาในประเทศไทย

ต้นทุนของกัญชาในประเทศไทยมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคา ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อราคามีดังนี้

แหล่งผลิต

แม้ว่าการนำเข้ากัญชาจากต่างประเทศจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับพบว่ามีร้านกัญชาในประเทศไทยมีดอกกัญชาที่นำเข้ามาจากประเทศ USA และ Cannada เป็นจำนวนมาก โดยทั่วไปแล้วเรามักจะคิดว่าการนำเข้ากัญชาจากต่างประเทศคงมีราคาสูงกว่าการซื้อขายโดยตรงจากผู้ผลิตในประเทศ แต่ในความเป็นจริงการนำเข้ากัญชาจากต่างประเทศในปริมาณสูงจะมีราคาต่อกรัมที่ถูกกว่า สาเหตุที่ทำให้กัญชานำเข้าถูกกว่ากัญชาในประเทศไทยมีดังนี้

  • Grower บางส่วนในประเทศไทยตั้งราคาขายส่งที่แพงเกินไป
  • Grower บางส่วนในประเทศไทยไม่สามารถควบคุ้มต้นทุนในการผลิตส่งผลให้ต้นทุนมีราคาสูง
  • ผู้ส่งออกจากต่างประเทศขายในราคาต้นทุนหรือต่ำกว่าทุนเนื่องจากผลิตกัญชาออกมาล้นความต้องการของตลาด

วิธีการปลูก

วิธีการปลูกมีผลอย่างสูงต่อต้นทุนในการผลิต เป็นที่ทราบกันดีว่าการปลูกแบบในที่ร่ม (Indoor) มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการปลูกกลางแจ้ง (Outdoor) เนื่องจากจะต้องลงทุนสร้างห้องปลูกหรือทำเต็นท์ปลูกเพื่อควบคุมสภาพอากาศ ความชื้น อุณหภูมิ ระดับ CO2 ภายในพื้นที่ปลูกอีกและมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดการปลูกไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้า ค่า CO2 และอุปกรณ์สิ้นเปลืองอื่นๆ อย่างไรก็ตามการปลูกแบบในที่ร่ม (Indoor) มักจะได้ผลผลิตที่ดีกว่าการปลูกกลางแจ้ง (Outdoor) เนื่องจากสามารถควบคุมปัจจัยสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ทั้งหมดในขณะที่การปลูกกลางแจ้งไม่สามารถควบคุมได้ อีกทั้งการปลูกในที่ร่มสามารถปลูกได้ตลอดปีไม่ต้องพึ่งฤดูกาลแต่ต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า

วัสดุปลูก

กัญชาเป็นพืชที่สามารถปลูกได้หลากหลายวัสดุปลูกไม่ว่าจะเป็น ดินปลูกทั่วไป ดินปลูก Supersoil พีสมอส ขุยมะพร้าว และไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งการใช้วัสดุปลูกแต่ละรูปแบบมีผลต่อต้นทุนและผลผลิตทั้งสิ้น การปลูกในดิน ดินปลูก Supersoil จะใช้ต้นทุนที่ไม่สูงมากนัก ได้ผลผลิตในระดับดีแต่มีความเสี่ยงที่จะเกิดปุ๋ยล็อค (Nutrient lockout) ส่วนการปลูกในพีสมอสและขุยมะพร้าวคุณภาพดีจะมีต้นทุนสูงขึ้นและจะต้องให้ปุ๋ยควบคู่กันไปด้วยเนื่องจากขุยมะพร้าวและพีสมอสมีสารอาหารน้อยมากซึ่งทำให้เราสามารถควบคุมสารอาหารที่พืชได้รับง่ายกว่าและได้ผลผลิตที่ดีกว่า การปลูกระบบไฮโดรโปนิกส์จะมีต้นทุนสูงที่สุดเนื่องจากต้องทำระบบน้ำขึ้นมาใหม่ทั้งหมดและต้องให้ปุ๋ยควบคู่กันไปด้วย ข้อดีของการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์คือต้นโตไว ดูดซับสารอาหารได้อย่างเต็มที่ ควบคุมสารอาหารของพืชได้ง่าย

คุณภาพผลผลิต

คุณภาพผลผลิตมีผลอย่างสูงต่อราคาของกัญชาซึ่งถูกแบ่งออกเป็นเกรดต่างๆ กัญชาคุณภาพดีจะต้องเป็นดอกที่มีขนาดใหญ่ แน่น มีไตรโคมปกคลุมทั่วบริเวณดอก มีกลิ่น Terpenes ที่เด่นชัด มีสีที่ถูกต้องตามลักษณะสายพันธุ์ ดอกจะต้องไม่แห้งจนเกิดไปมีความชื้นในปริมาณที่เหมาะสม โดยทั่วไปผู้ซื้อจะดูลักษณะภายนอกของดอกกัญชาและกลิ่นเป็นอันดับแรก

สายพันธุ์

สายพันธุ์กัญชาที่เป็นที่นิยม หายาก หรือมีปริมาณสาร THC สูงจะเป็นสายพันธุ์ที่มีราคาสูงตามไปด้วยไม่ใช่เพียงแค่ราคาของดอกกัญชาแห้งเท่านั้นแต่รวมถึงต้นทุนในการผลิตด้วย

การบวกราคาเพิ่มของร้านกัญชา

เป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจที่มีการบวกราคาเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้กำไร โดยส่วนใหญ่แล้วร้านกัญชามักจะบวกราคาเพิ่มขึ้น 100-200% เพื่อตั้งขายหน้าร้าน เมื่อหักลบต้นทุนในการดำเนินธุรกิจแล้วค่าเฉลี่ยอัตรากำไรอยู่ที่ 30-50% หรืออาจจะสูงกว่านี้ขึ้นอยู่กับต้นทุนและค่าดำเนินธุรกิจของร้านด้วย

จำนวนการสั่งซื้อ

จำนวนในการสั่งซื้อมีผลต่อร้านกัญชาและผู้ซื้อโดยตรง ร้านกัญชาที่ซื้อดอกจาก Grower ในปริมาณ 1 กิโลกรัมขึ้นไปย่อมได้ราคาที่ถูกกว่าการซื้อในปริมาณ 100 กรัม ในทางเดียวกันลูกค้าที่ซื้อกัญชาจากร้านกัญชาในปริมาณ 3.5 กรัมหรือมากกว่านี้จะได้ราคาที่ถูกกว่าการซื้อเพียงแค่ 1 กรัม

สถานที่ตั้งร้านกัญชา

ร้านกัญชาที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีนักท่องเที่ยวเยอะมักจะมีราคากัญชาสูงกว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวน้อยและสถานที่ท่องเที่ยวที่ห่างไกลแต่มีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งเช่น เกาะ เมืองในหุบเขา ดอย หรืออื่นๆมักจะมีราคากัญชาสูงเช่นกัน

อุปสงค์และอุปทาน

เมื่อ Grower ปลูกกัญชาออกมาเกินความต้องการของตลาดราคาของดอกกัญชาจะถูกลง ในทางกลับกันหากปลูกน้อยกว่าความต้องการของตลาดจะมีราคาที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามอาจเกิดอุปทานส่วนเกินซึ่งเกิดจากการนำเข้าดอกกัญชาจากต่างประเทศส่วนนี้เองจะทำให้ราคาสินค้าและผู้ผลิตในประเทศเกิดความเสียหายได้

สรุป

ราคาของดอกกัญชาในช่วงนี้มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 579 บาทต่อหนึ่งกรัมจากผลสำรวจ 91 ร้านกัญชาและ 9,354 ราคาจาก 1,784 สายพันธุ์กัญชาโดย Thailandthc ในขณะที่ดอกแห้งตามมาตรฐานจะมีราคาซื้อขายจริงตามร้านกัญชาตั้งแต่ 250-1,000 บาท สายพันธุ์ที่ยอดนิยมมักพบได้ในร้านกัญชาทั่วไปเช่น Green Crack, MAC One, Gelato และ Runtz สายพันธุ์ที่มีราคาสูงสุดคือ Pacman Starburst Runtz มีราคาเฉลี่ยสูงสุด 3,000 บาทต่อกรัมซึ่งอาจเป็นสายพันธุ์กัญชาที่หายากในขณะนี้ส่วนสายพันธุ์ที่มีราคาถูกที่สุดได้แก่ Power Berry CBD และหางกระรอกมีราคาโดยเฉลี่ยเพียง 55 บาทต่อกรัมเท่านั้น อย่างไรก็ตามสายพันธุ์กัญชาที่ผลิตขึ้นในประเทศส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ที่มีที่มาจากต่างประเทศ ดังนั้น Grower ไทยเองจะต้องระวังอุปทานส่วนเกินที่เกิดขึ้นจากการนำเข้าดอกกัญชาแห้งจากต่างประเทศด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก

Thailandthc & Leafly

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ GrowStuff ไฟปลูกต้นไม้ ปุ๋ย และอุปกรณ์การเกษตร
หรือบทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่ รวมบทความ Growstuff

Jive420 Avatar

2 thoughts on “อัปเดตราคากัญชาในประเทศไทย 2023 : สายพันธุ์ยอดนิยม สายพันธุ์ราคาถูก สายพันธุ์ราคาแพง

  1. Narudol Myneiwklang พูดว่า:

    ขอสอบถามคนหาข้อมูลที่น่ารักคนนี้หน่อยนะครับ พอดีผมอยากทราบว่า ราคาที่ได้มานั้นมาจากตลาดไหนหรอครับ

    1. [email protected] พูดว่า:

      เป็นการนำข้อมูลจากบทความต่างประเทศที่เข้ามาสำรวจราคาตลาดในไทยช่วงนั้นครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *